แดน เบิร์น ปราการหลังสุดแกร่ง ไม่ได้มีดีแค่โย่ง

ในวันที่สาลิกาถูกเทคโอเวอร์ แดน เบิร์น ปราการหลังร่างโย่ง ที่เล่นอยู่กับไบรท์ตัน บอกกับครอบครัวของเขาว่า ความฝันที่จะได้ลงเล่นให้กับทีมรักในวัยเด็ก จบสิ้นลงแล้ว เพราะด้วยเงินมหาศาล นิวคาสเซิลที่สามารถจะเซ็นใครหน้าไหรก็ได้ในโลกที่เงินคือพระเจ้า คงไม่มีทางเลย ที่กองหลังวัยเหยียบ 30 และไม่ได้มีตราทีมชาติการันตีจะได้เซ็นสัญญากับสาลิกายุคใหม่

ตอนที่สายโทรศัพท์จากทีมงานเอ็ดดี้ ฮาว ดังขึ้น และบอกว่าต้องการคว้าเขาไปร่วมทีมเมื่อมกราปีก่อน…..เบิร์น ก็ยังคิดในใจว่า มันคงเป็นดีลที่มีไว้คั่นเวลา ก่อนที่ทีมจะเสริมตัวมโหฬารช่วงซัมเมอร์ แต่ถึงอย่างไร นาทีนั้น เขาก็รีบคว้าโอกาสที่จะได้สวมเสื้อขาวดำเหมือนฮีโร่ของเขาที่ชื่อ อลัน เชียเรอร์ ไว้ก่อนจะคิดอะไรต่อ

จากกองหลังตัวกลางในช่วงแรกที่ได้รับโอกาสลงสลับกับตัวหลักคนอื่นๆ จนช่วยให้ สาลิกาบินสูงจบกลางตารางได้เมื่อปีก่อน มาปีนี้การลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ตอนแรกเหมือนจะเป็นการขัดตราทัพเพราะ แม็ต ทาร์เก็ต ไม่ฟิตพอ แต่ทำไปทำมา ผลงานของ พี่โย่ง ที่สูงเกือบสูง 2 เมตร ตรงริมเส้นกลับช่วยให้ ทูนอาร์มี่อุ่นใจ และเกมรับของสาลิกาที่เคยเป็นปัญหาก็ดีขึ้นแบบเหลือเชื่อ จนทำให้วันนี้พวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีค แถมยังเก็บคลีนชีทได้มากที่สุดอีกด้วย

เมื่อคืนนี้ การลงเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลลีคคัพ ที่นิวคาสเซิลไม่เคยเข้าถึงรอบรองมาตั้งแต่ปี 1976 หรือ 46 ปีก่อน ก็เป็นพี่โย่งที่กลายมาเป็นฮีโร่ราวกับฝันไป เมื่อเขาขึ้นมาเติมแหวกแนวรับ เลสเตอร์ ยิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ช่วงต้นครึ่งหลัง และนอกจากประตูนี้จะเป็นประตูแรกของเขากับทีมรักแล้ว มันยังเป็นประตูที่ช่วยส่งให้ทีมได้เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ตามที่ตั้งเป้าไว้

นิวคาสเซิลที่หลายคนมองว่าเป็นยักษ์หลับ ไม่ชนะรางวัลเมเจอร์ใดๆมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว และหากวันนี้จะมีใครสักคนที่จะช่วยกรุยทางให้ทีมได้เฝ้าฝันถึงถ้วยรางวัลแล้วละก็ มันคงไม่มีใครเหมาะจะเป็นฮีโร่ของทีมเท่ากับ แดน เบิร์น อีกแล้ว เพราะเหนือกว่าการฝันที่จะสวมเสื้อเล่นให้กับทีมรัก มันคือการพาทีมรักคว้าแชมป์ที่รอคอยให้ได้เสียที และเมื่อถึงเวลานั้น สิ่งที่น่าสนใจกว่าภาพชูถ้วยแชมป์ คงเป็น สเตปแดนซ์ ที่พี่โย่งอาจจะได้โชว์แบบเต็มๆ ให้แฟนสาลิกาได้ฮาตกเก้าอี้ ยิ่งกว่าสเตปเมื่อคืนนี้หลังเกมก็เป็นได้