นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เข้าชิงชนะเลิศคาราบาว คัพได้สำเร็จ
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด คือสโมสรที่มีแฟนบอลจงรักภักดีอย่างมาก สนามใหญ่โต สวยงามอลังการ ทุกอย่างเอื้อต่อการเป็นบิ๊กทีมแต่ใครจะไปเชื่อ ว่าพวกเขาได้แชมป์ (ไม่นับแชมป์ดิวิชั่น 2) ครั้งสุดท้ายในประเทศ ต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 1955 โน่นเลย หรือเมื่อ 68 ปีที่แล้ว นิวคาสเซิล เคยได้แชมป์ในยุโรปมาบ้าง เช่น อินเตอร์ซิตี้แฟร์คัพ (1968) และ อินเตอร์โตโต้คัพ (2006) แต่รายการเหล่านี้ ถูกยุบทิ้งไปแล้ว ดังนั้นถ้าจะนับแชมป์ล่าสุดจริงๆ คนอังกฤษมักจะมองว่าโทรฟี่สุดท้ายของนิวคาสเซิลคือ เอฟเอคัพ ปี 1955 ที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ 3-1 ที่สนามเวมบลีย์
68 ปีผ่านไป นิวคาสเซิล พยายามแล้วพยายามอีก แต่ก็ไปไม่ถึงแชมป์เสียที พวกเขาเป็นราชารองแชมป์ ตัวจริงทีมแม็กพายส์เหมือนโดนคำสาป ต่อให้ทีมดีแค่ไหน ก็ไปไม่ถึงแชมป์เสียที แฟนบอลก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เชียร์ ได้แต่ศรัทธาทีมต่อไปเรื่อยๆ แบบนั้นยุคที่เจ็บปวดที่สุด คือ 4 ฤดูกาล นับจากปี 1995 ถึง 1999 เพราะนิวคาสเซิล เฉียดได้แชมป์ 4 ฤดูกาลซ้อนๆ
- 1995-96 : ได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก
- 1996-97 : ได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก
- 1997-98 : ได้รองแชมป์เอฟเอคัพ
- 1998-99 : ได้รองแชมป์เอฟเอคัพ
หลายคนเชื่อว่า จริงๆ ขอแค่ปลดล็อกมีโทรฟี่สักใบล่ะก็ นิวคาสเซิลน่าจะพุ่งทะยานได้เลย แต่พอมันไม่มีแชมป์ มันเลยหยุดนิ่งอยู่ไปต่อไม่ได้ แฟนๆ สาลิกาดง ณ เวลานั้นยังคงเชื่อมั่นว่า ถ้าหากทีมเดินหน้าลุยต่อไปเรื่อยๆ มันต้องได้แชมป์สักรายการล่ะวะ ยังไงซะทีมก็มีผู้เล่นระดับอลัน เชียเรอร์ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกอยู่ทั้งคน แต่นิวคาสเซิลไม่สามารถไปถึงแชมป์ได้ ไม่เพียงแค่นั้น จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของสโมสรก็เกิดขึ้น ในปี 2007 เมื่อเซอร์จอห์น ฮอลล์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ตัดสินใจ “ขายทีม” ให้ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของบริษัท Sportdirect ขึ้นมาเป็นเจ้าของสโมสรคนใหม่แทน
เมื่อนิวคาสเซิลไปอยู่กับมือของแอชลีย์ ทุกๆ สิ่ง ค่อยจมดิ่งลง
แอชลีย์นั้นไม่มีความจริงใจ และไม่เข้าใจในวัฒนธรรมของนิวคาสเซิล ไปๆ มาๆ จากทีมที่เคยลุ้นแชมป์ แค่ 2 ปี หลังจากแอชลีย์เป็นเจ้าของ ทีมก็ตกชั้นไปเล่นแชมเปี้ยนชิพ นิวคาสเซิลเคยเป็นทีมที่น่ากลัว เป็นทีมในระดับท็อปโฟร์ของลีก พวกเขาแปรสภาพกลายเป็นโยโย่ทีม เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวตกชั้น เดี๋ยวเลื่อนชั้น ขาดความคงเส้นคงวา ผู้บริหารไม่มีวิสัยทัศน์ใดๆ ทั้งสิ้นไอเดียแอชลีย์แต่ละอย่าง ขัดใจแฟนบอลทั้งสิ้น
แล้วที่สำคัญคือไมค์ แอชลีย์ ก็ไม่ยอมขายทีมเสียที เก็บสโมสรไว้กินส่วนแบ่งไปเรื่อยๆ คือถ้าไม่ได้ข้อเสนอที่มากพอจริงๆ เขาจะไปขายทำไม ก็ไม่ได้เดือดร้อนเงินอะไร คนที่ทรมาน ก็คือแฟนนิวคาสเซิล ที่ต้องอยู่ในสภาพทีมอ่อนแอแบบนี้หลายปีติดต่อกัน ไม่มีความหวัง ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีอะไรเลยแต่แล้ว ในที่สุดแฟนๆ นิวคาสเซิลก็ได้พรจากสวรรค์ เมื่อมีคนที่พร้อมสู้ราคาที่แอชลีย์ตั้งไว้ 300 ล้านปอนด์ นั่นคือกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย (PIF)
กลุ่ม PIF (ซื้อหุ้น 80%) ร่วมกับอแมนด้า สเตฟลีย์ (10%) และ พี่น้องรูเบน บราเธอร์ส (10%) ตัดสินใจรวมเงินกัน เพื่อซื้อนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ด้วยตัวเลข 300 ล้านปอนด์ ทำให้แอชลีย์ยอมปล่อยมือจากทีมแม็กพายส์ในที่สุด หลังจากเป็นเจ้าของมา 14 ปี การเปลี่ยนแปลงเจ้าของ ทำให้แฟนๆ นิวคาสเซิล พอจะมีความหวังในชีวิตอีกครั้ง พวกเขาไม่รู้หรอก ว่าจะกลับมามีลุ้นแชมป์สักรายการตอนไหน แต่เปลี่ยนเจ้าของซะ มันก็ย่อมต้องดีกว่าทนอยู่กับแอชลีย์ไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว นิวคาสเซิล เป็นสัญลักษณ์ของทีมที่ไม่ยอมแพ้ เป็น Fighter เต็มตัว จนวันนี้เข้ารอบชิงชนะเลิศคาราบาว คัพได้สำเร็จ